โพสต์ล่าสุด

Thursday, June 4, 2015

ขุนแผนผงพรายกุมาร

"ประวัติผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม ฉบับดร.ภิเษก ศรีสวัสดิ์ คนบ้านค่าย เลือดบ้านค่ายโดยกำเนิด..ผู้เขียนความจริง"
"กำเนิดพรายกุมารหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่"
"Little Bitty Baby Prai KuMarn Luang Pu Tim Wud LaHarnRai 1962-1972,Bankhai District,Rayong Province"
"เจ้าพรายน้อยปีขาลวันอังคารบ้านค่ายระยองกู่ก้อง
เรียกร้องความถูกต้องตอบสนองความเป็นจริงสิ่งเป็นมา"
"กำเนิดพรายกุมารปีพ.ศ.2493 ครั้งแรกครั้งเดียวของโลก"
ในปีพ.ศ.2493 หรือค.ศ.1950 มีเหตุการณ์สำคัญของไทยและของโลกเกิดขึ้นหลายความสำคัญที่น่าจดจำ เริ่มจากช่วงต้นปีจากการเสด็จพระราชดำเนินนิวัติพระนคร ประเทศไทยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 หลังทรงสำเร็จการศึกษาวิทยาศาสตร์บัณฑิตย์ คณะวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์
28 เมษายน พ.ศ.2493 ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
5 พฤษภาคม พ.ศ.2493 รัชกาลที่ 9 เสวยเศวตรฉัตรมงคลเป็นครั้งที่ 2 ส่งผลให้วันที่ 5 พ.ค.ของทุกปีเป็น"วันฉัตรมงคล"
อีกด้านหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออก "สงครามเกาหลี" ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการแบ่งแยกประเทศเป็น"เกาหลีเหนือ กับ เกาหลีใต้ ได้ประทุขึ้นในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2493 ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่9 จะลงพระปรมาภิไธยส่งทหารไทยไปช่วยเกาหลีใต้รบป้องกันประเทศในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน
กลับมาที่วัดละหารไร่(วัดไร่วารี)ท้องที่ต.ละหาร บ้านค่าย ระยองในปีพ.ศ.2493 (ต่อมาต.ละหารแยกตัวออกไปจากอำเภอบ้านค่าย ไปตั้งเป็นกิ่งอำเภอปลวกแดงร่วมกับต.ตาสิทธิ์เมื่อปีพ.ศ.2513 และยกฐานะเป็นอำเภอปลวกแดงปีพ.ศ.2522 ส่วนวัดละหารไร่ ปัจจุบันขึ้นกับต.หนองละลอก บ้านค่าย ระยองตามการแบ่งเขตปกครองด้วยสภาพภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมและการติดต่อสัมพันธ์ในอดีต
ปีพ.ศ.2493 มีการค้นพบหญิงสาวตายทั้งกลมที่วัดละหารใหญ่ ที่สำคัญได้เสียชีวิตลงเมื่อวันเสาร์และกำหนดเผาหรือฝังในวันอังคารตามตำราโบราณพอดี "ตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร"หลังทราบข่าวหลวงปู่ทิม อิสริโก พระเถระที่มีชื่อเสียงเรื่องพืชสมุนไพรรักษาโรคหรือเป็นพระหมอยาที่มีถิ่นพำนักอยู่ในป่าตามสภาพของวัดละหารไร่ ณ เวลานั้นมีวัย 71 ปีย่าง 72 ปี 48 พรรษาบวช ได้คำนวณการเกิดของทารกน้อยหากลืมตาดูโลกจะเกิดตรงกับวันอังคาร ปีขาลพอดีซึ่งก้อตรงตามตำรายิ่งขึ้นไปอีก โดยผู้เข้าไปทำพิธีขอร่าง'พ่อพรายน้อย'จากแม่ที่ตายทั้งกลมในครั้งนั้นคือโยมสาย แก้วสว่าง ลูกศิษย์คนสนิทของหลวงปู่ทิมกับสามเณรสาคร(ต่อมาคือหลวงพ่อสาคร อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองกรับ) สาเหตุที่โยมสาย แก้วสว่างเลือกสามเณรสาครให้ไปด้วยกับตนเองนั้นก้อเพราะสามเณรสาคร เกิดพ.ศ.2481 ปีขาล วันอังคารมีอายุมากกว่า'พ่อพรายน้อย'หากได้กำเนิดมาเป็นทารก 1 รอบเท่ากับว่าเกิดปีขาล วันอังคารเช่นกันดังนั้นจึงต้องพาสามเณรสาครไปช่วยตามเคล็ดลับวิชา "เสือย่อมไม่กินเนื้อเสือ"และก้อทำสำเร็จได้พรายกุมารมาทำตามตำราพิธีโบราณทุกอย่างจนได้"ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม"อันลือลั่นไปทั่วปฐพี
ปีพ.ศ.2505-2515 คือระยะเวลาการสร้างพระผงพรายกุมาร หลังจากที่หลวงปู่ทิม อิสริโก มีวัยเกิน 80 ปีคือ 83 ปีเพราะหากยังมีอายุไม่ถึงพระพุทธเจ้าที่ดับขันธ์ปรินิพพานในวัย 80 พรรษาแล้วหลวงปู่ทิม จะสร้างแต่"ตะกรุด"และเครื่องรางของขลังเช่นปลัดขิกทำจากไม้แก่นคูณตายพราย,พระขรรค์/กริชที่ทำจากไม้พญาดำดง ไม้ชนิดนี้ปัจจุบันสูญพันธ์ุไปแล้วโดยหลวงปู่ทิม ให้ลูกศิษย์ไปนำมาจากดงพญาเย็น ปราจีนบุรีไปกลับโดยคาราวานเกวียน 3 เล่มใช้เวลาประมาณเกือบหนึ่งเดือน ไม้พญาดำดงที่นำมายืนต้นตายมาแล้วหลายร้อยปี('ดงพญาเย็น'แต่เดิมเรียก'ดงพญาไฟ'ต่อมารัชกาลที่5 ทรงเปลี่ยนชื่อเรียกเพราะระหว่างสร้างทางรถไฟสายแรกกรุงเทพฯ-นครราชสีมาในปีพ.ศ.2436 เกิดไข้ป่าและไข้มาลาเรียรวมทั้งอหิวาตกโรค มีผู้คนที่บ้านปากช่องเขา หรือเขตอำเภอปากช่องในปัจจุบันเสียชีวิตมากกว่า1,000 คนจึงเปลี่ยนชื่อเพื่อให้เย็นลง)ผ้ายันต์/เสื้อยันต์,ธง,ไม้แกะเป็นรูปสัตว์อาทินกสาริกาคู่,ลิงแกะ,เสือแกะจากกรามช้างน้ำ,ชูชกแกะจากไม้คูณตายพรายและพระปิดตาไม้ตับเต่าเป็นต้น
โดยหลังจากทำผงพรายกุมารเสร็จท่านได้เก็บไว้โดยไม่ได้ทำอะไรเพราะมีความเชื่อว่ายังไม่ถึงเวลาที่ท่านจะมีอายุเท่าพระพุทธเจ้าในวัย 80 ปี
จนกระทั่งปีพ.ศ.2503 หลวงปู่ทิมในวัย 81 ปี 57 พรรษาบวชได้สร้างพระผงโสฬสมหาพรหมเช่นพระปิดตา,พระพิมพ์พระผงสุพรรณ,พระพิมพ์สัตตนาเคฯลฯ
ปีพ.ศ.2505-2515 เริ่มต้นสร้าง'พระผงพรายกุมารพิมพ์นางพญา'เป็นพิมพ์แรกตามคตินิยมที่ต้องสร้างตัว"แม่"ขึ้นมาก่อน ถัดมาก้อ'พระผงพรายกุมารพิมพ์พลายเพชรพลายบัว'ต่อด้วย'พระผงพรายกุมารพิมพ์สิวลี'ที่เป็นดำริสร้างของหลวงปู่ทิม หากมีไว้ครอบครองจะไม่อดอยากหากินได้คล่องตัวและสร้าง'พระผงพรายกุมารพิมพ์เศียรโต/เศียรเล็ก'รวมทั้ง'พระพิมพ์ขุนแผนผงพรายกุมารทั้งพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่"ที่โด่งดังทั่วประเทศในขณะนี้
แม่พิมพ์ของ"พระพิมพ์ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม อิสริโก"
แม่พิมพ์แรกหรือ'บล๊อคแรกทำจากไม้ตะเคียน'ที่แกะพิมพ์โดยโยมสาย แก้วสว่าง ต่อมาพัฒนาเป็น'บล๊อคหินมีดโกน' 'บล๊อคทองเหลือง' 'บล๊อคทองเหลืองแต่ง'และ'บล๊อคเหล็ก'
ส่วนผสมของมวลสารที่นำมาใช้กดพิมพ์พระขุนแผนพรายกุมารด้วยมือยุคแรกเริ่มคือเนื้อกระยาสารทผสมผงพรายกุมารซึ่งทำเฉพาะยุคแรกเท่านั้น เนื่องจากพิมพ์อักขระต่างๆบนองค์พระไม่ค่อยชัด ไม่สวยงามตามที่ตั้งใจต่อมาหลวงปู่ทิม ได้คิดค้นการนำเนื้อข้าวเหนียวสุกเสก น้ำข้าวมาผสมกับผงพรายกุมาร โดยมีกลวิธีที่จะให้'กุมารทอง'ได้อาศัยกินข้าวเหนียวสุกเสกเป็นอาหารไปตลอดอายุขัยที่หลวงปู่ทิม คาดคะเนไว้ว่าองค์พระจะมีความแข็งแกร่งคงทนอยู่ได้นานถึงหนึ่งพันปีเป็นอย่างน้อยหากไม่ตกแตกหรือถูกทำให้ชำรุดไปเสียก่อน
ทั้งนี้หลวงปู่ทิม มองการณ์ไกลเรื่องสีขององค์พระที่ใช้น้ำว่านชนิดต่างๆมาผสมเพื่อความเป็นศิริมงคล มหานิยม มหาเสน่ห์ รวมทั้งเป็นสีประจำวันเกิดจึงได้นำว่านชนิดต่างๆมาคั้นน้ำผสมกับผงพรายกุมารและเนื้อข้าวเหนียวสุกเสกรวมทั้งน้ำข้าว ถ้าหากอยากได้สีขาวก้อไม่ต้องผสมน้ำว่าน ใช้ผงพรายกุมารเดิมๆ แต่ถ้าต้องการสีแดง ก้อผสมน้ำปูนกินหมาก/สีชมพู ผสมน้ำว่านสบู่เลือด/สีเหลือง ผสมน้ำว่านดอกทองซึ่งโยมสายไปเอาว่านดอกทองมาจากอ.สัตหีบ ชลบุรีว่านดอกทองนี้จัดเป็นมหาเสน่ห์นิยม หายากมาก/สีเขียว ผสมน้ำเถาวัลย์หลงและน้ำว่านขัดตามอญ/สีดำ ผสมว่านไพรดำ ว่านที่เชื่อกันว่ามีเทวดาปกปักรักษาว่านชนิดนี้ ส่วนองค์ที่มีสีทองนั้น หลวงปู่ทิมได้ให้ลูกศิษย์ไปขุดสายแร่ทองคำและสายแร่ทองแดงที่ถ้ำแห่งหนึ่งในจ.นครศรีธรรมราชก่อนที่จะตำให้ละเอียด ชุบน้ำมันงาพระเจ้าตากทาลงไปที่แม่พิมพ์ก่อนกดพิมพ์พระด้วยมือซึ่งนอกจากจะทำให้พระพิมพ์ขุนแผนพรายกุมารพิมพ์ใหญ่มีสภาพที่สวยงามดุจทองคำแล้ว ยังเป็นการถนอมเนื้อพระให้แกร่งอยู่ได้นานคงทนหลายร้อยปีจนถึงพันปีเลยทีเดียว
หลังจากนั้นในปีพ.ศ.2515 เมื่อได้พิมพ์พระขุนแผนพรายกุมารทั้งพิมพ์ใหญ่พิมพ์เล็กตามจำนวนที่ต้องการหลวงปู่ทิม ได้สั่งให้ลูกศิษย์เลื่อยผ่าแม่พิมพ์ทั้งหมดเป็น 4 ชิ้นนำไปเก็บไว้ที่บ้านลูกศิษย์ทั้ง4 ทิศทั่วทุกภาคทั่วไทยเพื่อให้พระขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิมโด่งดังไปทั้งสี่ทิศตามความเชื่อและตั้งใจของหลวงปู่ทิม
วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน12 ปีพ.ศ.2515 หลวงปู่ทิม ได้หยุดทำพระผงพรายกุมารที่เป็นวิชาไสยเวทย์ด้านลึกลับเพราะมี"บัวผุด"ต้นเล็กๆผุดดอกขึ้นมาจากกะบะล้างหน้านั่นหมายความว่าหลวงปู่ทิม ท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระอภิญญาหรือบรรลุอภิญญาเป็นพระอรหันต์ ท่านจึงเลิกทำพระผงพรายกุมาร และได้นำ'ดอกบัวผุด'มาผสมกับว่านไพรดำปั้นเป็น'พิมพ์พระปิดตาบัวผุด'ได้ทั้งสิ้น 22 องค์ พระพิมพ์นี้เป็นพระที่หลวงปู่ทิม ใช้พกติดย่ามเวลาเดินทางไปปลุกเสกนอกสถานที่ที่มีวัดต่างๆเชิญเข้ามาอย่างไม่ขาดสายในปีพ.ศ.2516-2518 แต่พระพิมพ์ขุนแผนผงพรายกุมารปีพ.ศ.2517 นั้นยังหาหลักฐานการสร้างไม่เจอเพราะถ้าหากมีการสร้างพระพิมพ์ขุนแผนผงพรายกุมารพิมพ์ปี2517 จริง ทำไมจึงไม่มีพระขุนแผนพรายกุมารพิมพ์ปี2517 ในพื้นที่บ้านค่ายหรืออำเภอต่างๆในจังหวัดระยองเลย ทั้งๆที่เหรียญเจริญพร,เหรียญรูปไข่ผูกพัทธสีมาและเหรียญที่ปลุกเสกทุกชนิดในปี2517 สามารถพบเห็นได้ในตลาดไผ่ล้อมตำบลบ้านค่ายและตำบลหนองละลอก รวมทั้งตำบลอื่นของอำเภอบ้านค่าย ระยองในปัจจุบัน ส่วนพระพิมพ์ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิมจะมีให้เห็นเฉพาะ"พระพิมพ์ขุนแผนพรายกุมารพิมพ์ปี2505-2515 เท่านั้น
ส่วน"พระพิมพ์ขุนแผนพรายกุมารพิมพ์ปี2517"ที่พวกเซียนพระกทม.บอกเป็นพิมพ์นิยมหรือบล๊อคนิยม/บล๊อคแรกนั้น ไม่มีให้เห็นแม้แต่องค์เดียวในพื้นที่บ้านค่ายและอำเภออื่นของระยองช่วงปี2517-2518 จนกระทั่งหลวงปู่ทิม ได้ล้มป่วยลงในช่วงต้นปีพ.ศ.2518 ก่อนจะมรณภาพในวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2518 หลังจากนั้นเราจึงจะได้เห็นพระพิมพ์ขุนแผนผงพรายกุมารที่'หนังสือพระเครื่องระบุผ่านตัวหนังสือว่ามีการสร้างพระพิมพ์นี้ในปี2517'แต่หาหลักฐานการสร้างไม่เจอ
"พระพิมพ์ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่"กันแบบผิดๆมาโดยตลอด ของแท้ที่ปลุกเสกด้วยผงพรายกุมารโดยหลวงปู่ทิมระหว่างปี2505-2515 ถูกตีค่าว่าเก๊ ปลอมทุกพิมพ์ทุกรุ่นทั้งที่ทางวัดละหารไร่และชาวบ้านได้ร่วมกันสร้างพระพิมพ์นี้ขึ้นมา ข้อกล่าวหาว่าเก๊ ว่าปลอมมีขึ้นหลังจากที่"หลวงปู่ทิม อิสริโก"ได้มรณภาพไปเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2518
โดยผมคนหนึ่งครับ ที่รับรู้รับทราบความจริงมาโดยตลอดจากนักเล่นการพนันตัวยงคนหนึ่งของอำเภอบ้านค่าย ระยองที่ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้วซึ่งอยู่ในขบวนการปลอมพระผงพรายกุมารหลวงปู่ทิมยุคแรกเริ่ม...นี่คือเรื่องจริงจากพื้นที่บ้านค่ายครับ
"ประมาณช่วงปีพ.ศ.2524-2526 มีข่าวการปลอมพระผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม ดังอย่างต่อเนื่องโดยคนในพื้นที่อำเภอบ้านค่าย ระยองร่วมมือกับคนนอกพื้นที่ที่เป็นเซียนพระมาจากกทม.จนมีประโยคเด็ดที่ผมจำได้ชัดเจนไม่เคยลืมเลือนไปจากสมองเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นประโยคที่พูดในช่วงปีพ.ศ.2524-2526 ของนักการพนันผู้นี้ ระหว่างที่นั่งดู'มวยตู้ถ่ายทอดสดจากเวทีช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ'ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ของปี2524 ที่ค่ายมวยเลือดบ้านค่าย เขตเทศบาลตำบลบ้านค่าย ระยองที่บอกและพูดคุยกับเพื่อนกลุ่มดูมวยตู้ด้วยสำเนียงเหน่อภาษาระยองว่า
"ต่อไปนี้นะพระพิมพ์ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม จะเล่นยากเพราะของแท้ที่หลวงปู่ทิมปลุกเสก สร้างทำกับมือตัวเอง ทำจากวัดจะถูกตีค่าว่าเก๊ เป็นของปลอมไปเสียฉิบและของที่หลวงปู่ทิมไม่ได้ทำจะถูกอุปโลกขึ้นมาเป็นของแท้ เป็นบล๊อคแรก เป็นบล๊อคนิยม...แต่เดี๋ยวคอยดูนะถ้าหลวงปู่ทิม ศักดิ์สิทธิ์จริงตามคำร่ำลือความจริงต้องถูกเปิดเผยขึ้นมาจนได้น่า..."
และหลังจากนั้นประโยคที่สื่อความหมายแบบนี้หรือใครจะพูดแบบไหนก้อตาม จะหมายความว่า
'พระขุนแผนผงพรายกุมารแท้ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เกจิผู้เปรียบดั่งเทพเจ้าของชาวภาคตะวันออกโดนตีค่าว่าเก๊ ว่าปลอม ส่วนพระขุนแผนผงพรายกุมารที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่หลังจากการมรณภาพของหลวงปู่ทิม จะถูกชูขึ้นมาหรือ่เขียนเชียร์ขึ้นมาว่าเป็นของแท้ หรือพูดเกินจริงว่าสวยที่สุดในสามโลกตามคำพรรณาโวหารที่โกหกหลอกลวง ไร้ซึ่งความจริงใจทั้งที่ความสวยงามและมีศิลปะในการสร้างพระพิมพ์พรายกุมารสู้ของเก่าที่สร้างระหว่างปี2505-2515 ที่ถูกตีค่าว่าเก๊ว่าปลอม แต่เป็นของแท้จากหลวงปู่ทิม ความงดงามสู้กันไม่ได้อย่างสิ้นเชิงครับ
และจากวันนั้นในปีพ.ศ.2524 ที่มีข่าวการนำ'ลูกอมผงพรายกุมาร'ไปบดให้ละเอียดและกดพิมพ์ใหม่ที่ระบุว่าเป็นพิมพ์ปี2517 นั้นถึงวันนี้ 33 ปีพอดีครับ.."ความจริงกำลังทำหน้าที่ของตัวเองแล้วโดยมีความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทิม หนุนนำ"
เพราะเมื่อถึงเวลานี้ หลายคนอาจจะมี"พระที่ไม่ใช่หลวงปู่ทิมปลุกเสก หรือปลุกเสกเพียงผงพรายกุมาร แต่บอกว่าเป็นพระขุนแผนพรายกุมารของหลวงปู่ทิม อยู่ที่คอตัวเองก้อได้..เพราะข้อมูลที่เชื่อถือได้เขียนโดยเซียนพระคนดังเมื่อหลายปีก่อน'ใหญ่ ท่าไม้'ระบุเรื่องการนำลูกอมไปกดพิมพ์พระขุนแผนผงพรายกุมารใหม่ว่า'ผงใช่ พระไม่ใช่'เพราะให้หลวงปู่แก้ว ปลุกเสก
"พระพิมพ์ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ที่มีข่าวเห็นกุมารทองออกมาวิ่งตามรถของคนที่แขวนพระพิมพ์นี้หรือมีกุมารทองบรรจุอยู่ที่องค์พระแต่ละองค์คือพระพิมพ์ปี2505-2515 ครับ....แต่เป็นกุมารทองที่คอยมาดลใจให้ทำในสิ่งที่ดี ละเว้นทำชั่วตามเจตนารมณ์ของหลวงปู่ทิม ดังนั้นเขามาดี ไม่มีพิษภัยแน่นอนพระพิมพ์นี้หลวงปู่ทิมสร้างพิมพ์เล็กให้ผู้หญิงใช้ ส่วนผู้ชายต้องพิมพ์ใหญ่หรือสะดวกพิมพ์เล็กก้อได้ไม่ผิดกฎกติกาแต่อย่างใดครับ"

ขั้นตอนการสร้างพระขุนแผนพรายกุมารนั้น ทำมาจาก ศพที่ตายทั้งกลม ตายวันเสาร์เผาวันอังคาร ทั้งเฮี้ยนและ ดุ และว่านมงคลต่าง ๆ 
ซึ่งหลวงปู่ได้ให้นาย ราบ ไปเอามาและปลุกเสก 3 วัน 3 คืน แล้ว จึงให้ นาย ราบ ไป ตำ และได้ให้ลุง แมง เพียงคนเดียวที่เป็นคนกด 
พระชุดนนี้ขึ้นมา ซึ่งได้ให้ลุงแมงนุ่งขาว ห่ม ขาว และทำเสร็จหลวงปู่ได้อาบน้ำมนต์ให้ทุกครั้งก่อนกลับบ้าน เพราะว่ากลัวอาถรรณ์ผงพรายกุมารที่ติอตัวกลับไป
การจัดสร้างปี 2517 " ข้อมูลจากหนังสือพระเครื่อง หลวงปู่ทิม โดย อาจารย์ ชินพร 

เกจิหลาย ๆ ท่านก็มิอาจทำได้ ยกเว้นหลวงปู่ทิม ที่สร้างขึ้นมากำเนิดแห่งศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จ.ระยองจากประวัติของพระครูภาวนาภิรัติ " หลวงปู่ทิม อิสริโก " ที่เราได้รับทราบกันมาแล้วว่าท่านเป็นพระอริยสงฆ์ที่เพรียบพร้อมด้วยศีลจริยาวัตรอันงดงามเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ไม่ติดยึดในรูป เสียง กลิ่น รส ฉันเจ ตลอดชีวิต แม้กระทั่งน้ำปลาก็ไม่ฉันและฉันภัตราหารเพียงมื้อเดียวจึงนั้นควรว่าหลวงปู่ทิม ท่านคือพระอริยสงฆ์ที่เหล่าศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศไทยให้ความเคารพบูชาอย่างสูงยิ่งได้โดยแท้จริง 

เกจิหลาย ๆ ท่าน ก็มิกล้า เสกทับ พระเครื่องของท่าน ล้วนแต่บอกว่า 
" ของท่านดีอยู่แล้ว เราไม่เสกทับหรอก " 
ถ้าพูดถึงผงพรายกุมาร...กับเนื้อโลหะ...ของหลวงปู่ทิม ผมรักและชอบผงพรายกุมาร มากกว่าเพราะผงพรายนั้นมีฤทธิ์ทางด้านจิตใจสูง..มากกว่าชุดเนื้อโลหะที่มีคุณวิเศษทางด้านความเป็นศิริมงคล ความเจริญก้าวหน้า เพราะเหตุผลที่หลวงปู่ฯท่านได้ใช้จิตที่ติดยึดในธาตุขันต์ของภูติมาประจุไว้ในผงพรายที่ได้นำมาจัดสร้างเป็นพระเครื่องรุ่นต่างๆ จึงมีผลในเรื่องของการดลจิตใจให้เราพบเจอแต่สิ่งดีๆมีโชคลาภตามวาสนาของแต่ละคนหรือดลใจให้หลีกพ้นอันตรายที่จะมีมาถึงตนในระยะอันใกล้ให้ออกห่างจุดที่จะได้รับอันตราย แบบที่เราเรียกกันว่าแคล้วคลาด หรือแม้กระทั่ง มาปรากฏกายให้เราเห็นหรือให้ผู้อื่นเห็นมามากต่อมากแล้วนี่แหละครับที่ทำให้ผมและศิษย์หลายๆท่านเกิดความรักหวงแหนและประทับใจไม่รู้ลืมที่เดียวครับ


คาถาบูชาพระเครื่อง หลวงปู่ทิม

(นะโม 3 จบ)

อิติสุคะโต อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ (3จบ)


มะอะอุ ทุกขัง อนิจจัง อะนัตตา พุทโธ พุทโธ (3จบ)